การเลือกประกันชีวิตนอกจากจะเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ให้ความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังถือเป็นการออมระยะยาวรูปแบบหนึ่งที่ได้รับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากธนาคาร และที่สำคัญนอกจากได้เงินออมแล้วยังสามารถนำไปยื่นลดหย่อนภาษีได้
ก่อนที่จะมาดูกันว่า ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ เรามารู้จักประกันชีวิตแต่ละประเภทกันก่อน เพื่อให้เราได้ประโยชน์ครอบคลุมสูงสุดที่สุด
-
ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ เป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองจนผู้เอาประกันอายุถึง 90 หรือ 99 ปี ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยผู้เอาประกันต้องจ่ายเบี้ยประกันติดต่อกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น 20 ปี เป็นต้น เหมาะกับผู้เอาประกันที่ต้องการมีมรดกให้ลูกหลาน
-
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ อีกหนึ่งประกันที่คุ้มครองชีวิตตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์โดยชำระเบี้ยประกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ไลฟ์ ซูเปอร์เซฟ 14/5 ของธนาคารกรุงไทย ที่คุ้มครองชีวิตถึง 14 ปี แต่จ่ายเบี้ยประกันเพียง 5 ปี เป็นต้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการออมเงินและต้องการความคุ้มครองในเวลาเดียวกันและยังเป็นประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ กรุงไทยยกให้ว่าน่าสนใจ
-
ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน เป็นประกันชีวิตที่แบ่งเบี้ยประกันออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในส่วนของบริษัทประกัน เงินลงทุน และค่าความคุ้มครอง เหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองและต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้นโดยที่สามารถยอมรับความเสี่ยงที่มากขึ้นได้ด้วย
-
ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา เป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองตามระยะเวลาในกรมธรรม์ เป็นประกันชีวิตที่ไม่มีเงินคืนเมื่อครบสัญญา เหมาะกับผู้เอาประกันที่ต้องการความคุ้มครองในช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือไม่ต้องการจ่ายเบี้ยประกันสูง ประกันสุขภาพแบบไหนดี กรุงไทย
-
ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองในรูปแบบของรายได้หลังเกษียณ โดยจะจ่ายเงินให้ผู้เอาประกันเป็นงวดเมื่อผู้เอาประกันอายุ 55 หรือ 60 ปี ตามจำนวนงวดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ประเภทของประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้ มีดังนี้
-
การ ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ กรุงไทย แบบตลอดชีพ ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ และประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา จะต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป โดยจะสามารถนำค่าเบี้ยประกันมาแจ้งลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่จะลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี แต่หากผู้ทำประกันเป็นผู้ไม่มีรายได้สามารถนำค่าเบี้ยไปช่วยลดหย่อนภาษีให้กับคู่สมรสได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
-
ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน สามารถลดหย่อนภาษีได้เฉพาะค่าใช้จ่ายของบริษัทประกันและเบี้ยประกันในส่วนที่ให้ความคุ้มครอง ไม่รวมเบี้ยประกันในส่วนของเงินลงทุน โดยสามารถหักได้ตามยอดเงินที่จ่ายจริงแต่เมื่อรวมกับกรมธรรม์ประกันชีวิตฉบับอื่นแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท โดยกรมธรรม์ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
-
ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นประกันที่สามารถนำยอดเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่จะไม่เกิน 15% ของรายได้ก่อนหักภาษี หรือลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาทต่อปี หากผู้เอาประกันไม่ได้ซื้อประกันชีวิตแบบตลอดชีพ แบบสะสมทรัพย์ หรือแบบชั่วระยะเวลา ก็สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อวัยเกษียณอื่น ๆ ได้แก่ SSF, RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เป็นต้น ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ประกันชีวิตแบบไหนดี2566 ที่ https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/1243
แล้วเราจะเลือกประกันที่เหมาะกับเราได้อย่างไรบ้างมาดูกัน
-
เลือกความคุ้มครองที่ต้องการ เช่น ต้องการให้เป็นมรดกลูกหลาน ควรเลือกประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หากต้องการมีเงินใช้หลังเกษียณ ควรเลือกประกันชีวิตแบบบำนาญ หรือหากไม่ต้องการจ่ายเบี้ยประกันระยะยาวก็ควรเลือกประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เป็นต้น
-
คำนวณวงเงินคุ้มครอง โดยคำนวณจากค่าใช้จ่ายและภาระหนี้ จากนั้นนำมาหักลบกับเงินออมที่ได้ จะได้เป็นวงเงินคุ้มครองที่ต้องการ
-
ตรวจสอบประกันชีวิตที่มีอยู่ว่าคุ้มครองครอบคลุมวงเงินที่ต้องการหรือไม่ จากนั้นจึงซื้อประกันเพิ่มเติมเฉพาะส่วนที่ต้องการได้วงเงินคุ้มครองเพิ่ม
-
คำนวณภาษีที่ต้องจ่าย โดยคำนวณจาก รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้ก่อนหักภาษี จากนั้นนำผลลัพธ์ไปคูณกับอัตราภาษี เพื่อดูว่าเราได้ลดหย่อนภาษีไปเท่าไร
สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกประกันจากไหนดี เราขอแนะนำซื้อ ประกันลดหย่อนภาษี ประกันสุขภาพแบบไหนดี กรุงไทยประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ กรุงไทย ที่มีประกันชีวิตทุกประเภทให้เลือกได้เหมาะกับความต้องการ เพียงคลิก https://krungthai.com/th/personal/insurance/life-insurance ประกันชีวิตของธนาคารกรุงไทย รวมครบ จบทุกความคุ้มครอง หรืออาจจะอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันลดหย่อนภาษี ที่ https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/1247