คนที่จำเป็นต้องเดินทางที่ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ เลือกทำ บัตรเดบิต travel card กันมากเพราะตอบโจทย์ครอบคลุมทุกการใช้จ่ายในต่างประเทศ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องที่ไม่มีบัตรเครดิต ต้องแลกสกุลเงินไปให้เพียงพอใช้จ่าย หรือเรื่องการพกเงินติดตัวจำนวนมากก็มีความเสี่ยงที่จะถูกขโมยได้ง่ายมากเหมือนกัน ตัดปัญหายุ่งยากเหล่านี้ด้วยบัตร travel card ใบเดียวซึ่งมีให้เลือกจากหลายธนาคารชั้นนำ มาอ่านทำความเข้าใจไปพร้อมกัน
บัตรเดบิตใช้ดีอย่างไร
บัตรเดบิต Travel Card คือบัตรที่โอนเติมเงินเข้าไปและแลกเป็นสกุลเงินต่างประเทศเพื่อใช้จ่ายสินค้าหรือซื้อของออนไลน์ก็ได้ พกบัตรใบเดียวรูดจ่ายได้เหมือนบัตรเครดิต และกดเบิกเงินจากตู้ ATM ต่างประเทศได้เหมือนกับ บัตร atm ไม่ต้องเสียเวลาแลกเงินตามธนาคารซึ่งจ่ายค่าธรรมเนียมสูงหรือถ้าไปหาตามร้านรับแลกเงินอาจเสี่ยงได้แบงก์ปลอม ได้เรทเงินที่ไม่คุ้มค่า เวลากลับมายังต้องแลกคืนและเสี่ยงถูกกดราคาอีก เพียงถือบัตรใบเดียวอยู่ในมือหมดกังวลเรื่องการใช้จ่ายในต่างประเทศ ไม่ต้องเก็บเงินไว้กับตัวจำนวนมาก อีกทั้งค่าธรรมเนียมยังมีราคาเป็นมิตรกว่าเพราะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 2.5% ด้วย
บัตร Travel Card จะแยกออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ
ประเภทบัตรเติมเงิน ต้องเติมเงินเข้าไปก่อนใช้งาน เช่น
-Krungthai Travel Card
-PLANET SCB
-YouTrip powered by KBANK
ประเภทเดบิตทั่วไป ตัดเงินออกจากบัญชีเงินฝากที่ผูกกับบัตรโดยตรง เช่น
-TMB All Free
บัตรของธนาคารไหนดีที่สุด
บัตรของแต่ละธนาคารมีคุณสมบัติและเงื่อนไขการใช้งานแตกต่างกัน ก่อนเลือก สมัครบัตรเดบิต บัตรใดควรเช็คข้อดีนำมาเปรียบเทียบกันให้ชัดเจนก่อนว่าบัตรใบไหนมีเงื่อนไขการใช้งานง่าย สะดวก และตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด รายละเอียดคร่าวๆ ของบัตร Travel Card ที่ได้รับความนิยม 4 บัตรดังนี้
1.บัตร PLANET SCB ของธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นบัตรเติมเงินใช้ได้ทั้งการแลกสกุลเงินต่างประเทศล่วงหน้าเก็บไว้ในบัตร หรือรูดใช้จ่ายแบบบัตรเครดิตของ VISA รองรับการแลกเปลี่ยนทุกสกุลเงิน
-จุดเด่นคือ ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพ แลกเงินและโอนเงินง่ายผ่านแอป SCB EASY ล็อกเรทแลกเงินต่างประเทศเก็บไว้ได้ 13 สกุลเงิน วงเงินในบัตรสูงสุดถึง 5 ล้านบาท กดเงินสดผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศสูงสุด 100,000 บาทต่อวัน มีวงเงินประกันการเดินทาง 10 วันสูงสุด 1 ล้านบาท
-จุดด้อยคือ กดเงินสดในประเทศไทยไม่ได้
2.บัตร Krungthai Travel Card ของธนาคารกรุงไทย เป็นบัตรที่สามารถแลกเงินต่างประเทศล่วงหน้าเก็บไว้ได้ รองรับการแลกเปลี่ยน 19 สกุลเงินเท่านั้น แลกเงินและใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT
-จุดเด่นคือ ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี วงเงินในบัตรสูงสุด ไม่เกิน 5 ล้านบาท บัตร Krungthai Travel Visa Platinum Card บัตรเดบิตประกัน อุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ วงเงินคุ้มครองสูงสุด 6 ล้านบาท ถอนเงินในต่างประเทศได้ 100,000 บาท ต่อวัน
-จุดด้อย คือ ถ้าไม่แลกสกุลเงินที่รองรับก่อน จะไม่สามารถรูดจ่ายได้ทันที
3.บัตร YouTrip powered by KBANK ของธนาคารกสิกรไทย เป็นบัตรเติมเงินที่รองรับ Mastercard รองรับทุกสกุลเงินต่างประเทศ
-จุดเด่นคือ ฟรีค่าธรรมเนียมสมัครบัตร และค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตรายปี สามารถรูดจ่ายและช็อปออนไลน์ได้ทุกสกุลเงินทั่วโลก ล็อกเรทได้ แลกเงินล่วงหน้าเก็บไว้ได้ 10 สกุลเงิน ยกเว้นค่าธรรมเนียมกดเงินสดจากตู้ ATM ที่ต่างประเทศ จนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2565 ควบคุมการใช้งานง่ายผ่านแอป YouTrip มีระบบ SmartExchange แลกเงินเป็นสกุลอื่นตามเรทในเวลานั้น กรณีที่แลกเงินล่วงหน้าไปไม่เพียงพอ วงเงินรูดได้สูงสุด 500,000 บาทต่อวัน
-จุดด้อยคือ ไม่มีประกันการเดินทาง
4.บัตร TMB All Free ของธนาคารทหารไทย เป็นบัตรเดบิตสำหรับรูดใช้จ่ายเงินในต่างประเทศโดยหักจากบัญชีที่ผูกไว้ได้เลย ไม่ต้องแลกสกุลเงินก่อน
-จุดเด่นคือ เป็น บัตร atm เบิกเงินสดจากตู้ ATM ได้ทุกธนาคารทั่วไทย ไปที่ไหน ไอไข่วัดเจดีย์ ก็กดเงินได้ วงเงินรูดได้สูงสุด 500,000 บาทต่อวัน ค่าธรรมเนียมถอนเงินในต่างประเทศถูกที่สุด 75 บาทต่อครั้ง มีส่วนลดและสะสมแต้มสำหรับการใช้จ่ายในประเทศ มีประกันการเดินทางต่างประเทศให้ฟรี 10 วัน คุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท
-จุดด้อยคือ มีการจ่ายค่าแรกเข้าและรายปี อัตราแลกเงินแปรผันตามวันที่ใช้ ต้องโอนเงินในบัญชีไว้ให้เพียงพอต่อการใช้จ่าย
สรุปว่าการใช้จ่ายผ่าน บัตรเดบิต travel card ประเภทเติมเงินมีข้อดีตรงที่สะดวกในการเลือกเรทเงินที่จะแลกได้ โดยเลือกกดแลกเงินผ่านแอปเอาไว้ ซึ่งแต่ละบัตรรองรับสกุลเงินต่างกัน ไม่ครอบคลุมสกุลเงินทั่วโลกเหมือนกับบัตรประเภทเดบิตซึ่งรูดเงินจ่ายได้ทันที ใช้ง่ายและสะดวกดีเหมือนบัตรเติมน้ำมัน แต่อาจจ่ายแพงกว่าเนื่องจากเรทเงินจะแปรผันไปตามเวลาที่ใช้บัตรนั่นเอง
คนที่จำเป็นต้องเดินทางที่ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ เลือกทำ บัตรเดบิต travel card กันมากเพราะตอบโจทย์ครอบคลุมทุกการใช้จ่ายในต่างประเทศ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องที่ไม่มีบัตรเครดิต ต้องแลกสกุลเงินไปให้เพียงพอใช้จ่าย หรือเรื่องการพกเงินติดตัวจำนวนมากก็มีความเสี่ยงที่จะถูกขโมยได้ง่ายมากเหมือนกัน ตัดปัญหายุ่งยากเหล่านี้ด้วยบัตร travel card ใบเดียวซึ่งมีให้เลือกจากหลายธนาคารชั้นนำ มาอ่านทำความเข้าใจไปพร้อมกัน
บัตรเดบิตใช้ดีอย่างไร
บัตรเดบิต Travel Card คือบัตรที่โอนเติมเงินเข้าไปและแลกเป็นสกุลเงินต่างประเทศเพื่อใช้จ่ายสินค้าหรือซื้อของออนไลน์ก็ได้ พกบัตรใบเดียวรูดจ่ายได้เหมือนบัตรเครดิต และกดเบิกเงินจากตู้ ATM ต่างประเทศได้เหมือนกับ บัตร atm ไม่ต้องเสียเวลาแลกเงินตามธนาคารซึ่งจ่ายค่าธรรมเนียมสูงหรือถ้าไปหาตามร้านรับแลกเงินอาจเสี่ยงได้แบงก์ปลอม ได้เรทเงินที่ไม่คุ้มค่า เวลากลับมายังต้องแลกคืนและเสี่ยงถูกกดราคาอีก เพียงถือบัตรใบเดียวอยู่ในมือหมดกังวลเรื่องการใช้จ่ายในต่างประเทศ ไม่ต้องเก็บเงินไว้กับตัวจำนวนมาก อีกทั้งค่าธรรมเนียมยังมีราคาเป็นมิตรกว่าเพราะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 2.5% ด้วย
บัตร Travel Card จะแยกออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ
ประเภทบัตรเติมเงิน ต้องเติมเงินเข้าไปก่อนใช้งาน เช่น
-Krungthai Travel Card
-PLANET SCB
-YouTrip powered by KBANK
ประเภทเดบิตทั่วไป ตัดเงินออกจากบัญชีเงินฝากที่ผูกกับบัตรโดยตรง เช่น
-TMB All Free
บัตรของธนาคารไหนดีที่สุด
บัตรของแต่ละธนาคารมีคุณสมบัติและเงื่อนไขการใช้งานแตกต่างกัน ก่อนเลือก สมัครบัตรเดบิต บัตรใดควรเช็คข้อดีนำมาเปรียบเทียบกันให้ชัดเจนก่อนว่าบัตรใบไหนมีเงื่อนไขการใช้งานง่าย สะดวก และตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด รายละเอียดคร่าวๆ ของบัตร Travel Card ที่ได้รับความนิยม 4 บัตรดังนี้
1.บัตร PLANET SCB ของธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นบัตรเติมเงินใช้ได้ทั้งการแลกสกุลเงินต่างประเทศล่วงหน้าเก็บไว้ในบัตร หรือรูดใช้จ่ายแบบบัตรเครดิตของ VISA รองรับการแลกเปลี่ยนทุกสกุลเงิน
-จุดเด่นคือ ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพ แลกเงินและโอนเงินง่ายผ่านแอป SCB EASY ล็อกเรทแลกเงินต่างประเทศเก็บไว้ได้ 13 สกุลเงิน วงเงินในบัตรสูงสุดถึง 5 ล้านบาท กดเงินสดผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศสูงสุด 100,000 บาทต่อวัน มีวงเงินประกันการเดินทาง 10 วันสูงสุด 1 ล้านบาท
-จุดด้อยคือ กดเงินสดในประเทศไทยไม่ได้
2.บัตร Krungthai Travel Card ของธนาคารกรุงไทย เป็นบัตรที่สามารถแลกเงินต่างประเทศล่วงหน้าเก็บไว้ได้ รองรับการแลกเปลี่ยน 19 สกุลเงินเท่านั้น แลกเงินและใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT
-จุดเด่นคือ ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี วงเงินในบัตรสูงสุด ไม่เกิน 5 ล้านบาท บัตร Krungthai Travel Visa Platinum Card บัตรเดบิตประกัน อุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ วงเงินคุ้มครองสูงสุด 6 ล้านบาท ถอนเงินในต่างประเทศได้ 100,000 บาท ต่อวัน
-จุดด้อย คือ ถ้าไม่แลกสกุลเงินที่รองรับก่อน จะไม่สามารถรูดจ่ายได้ทันที
3.บัตร YouTrip powered by KBANK ของธนาคารกสิกรไทย เป็นบัตรเติมเงินที่รองรับ Mastercard รองรับทุกสกุลเงินต่างประเทศ
-จุดเด่นคือ ฟรีค่าธรรมเนียมสมัครบัตร และค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตรายปี สามารถรูดจ่ายและช็อปออนไลน์ได้ทุกสกุลเงินทั่วโลก ล็อกเรทได้ แลกเงินล่วงหน้าเก็บไว้ได้ 10 สกุลเงิน ยกเว้นค่าธรรมเนียมกดเงินสดจากตู้ ATM ที่ต่างประเทศ จนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2565 ควบคุมการใช้งานง่ายผ่านแอป YouTrip มีระบบ SmartExchange แลกเงินเป็นสกุลอื่นตามเรทในเวลานั้น กรณีที่แลกเงินล่วงหน้าไปไม่เพียงพอ วงเงินรูดได้สูงสุด 500,000 บาทต่อวัน
-จุดด้อยคือ ไม่มีประกันการเดินทาง
4.บัตร TMB All Free ของธนาคารทหารไทย เป็นบัตรเดบิตสำหรับรูดใช้จ่ายเงินในต่างประเทศโดยหักจากบัญชีที่ผูกไว้ได้เลย ไม่ต้องแลกสกุลเงินก่อน
-จุดเด่นคือ เป็น บัตร atm เบิกเงินสดจากตู้ ATM ได้ทุกธนาคารทั่วไทย ไปที่ไหน ไอไข่วัดเจดีย์ ก็กดเงินได้ วงเงินรูดได้สูงสุด 500,000 บาทต่อวัน ค่าธรรมเนียมถอนเงินในต่างประเทศถูกที่สุด 75 บาทต่อครั้ง มีส่วนลดและสะสมแต้มสำหรับการใช้จ่ายในประเทศ มีประกันการเดินทางต่างประเทศให้ฟรี 10 วัน คุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท
-จุดด้อยคือ มีการจ่ายค่าแรกเข้าและรายปี อัตราแลกเงินแปรผันตามวันที่ใช้ ต้องโอนเงินในบัญชีไว้ให้เพียงพอต่อการใช้จ่าย
สรุปว่าการใช้จ่ายผ่าน บัตรเดบิต travel card ประเภทเติมเงินมีข้อดีตรงที่สะดวกในการเลือกเรทเงินที่จะแลกได้ โดยเลือกกดแลกเงินผ่านแอปเอาไว้ ซึ่งแต่ละบัตรรองรับสกุลเงินต่างกัน ไม่ครอบคลุมสกุลเงินทั่วโลกเหมือนกับบัตรประเภทเดบิตซึ่งรูดเงินจ่ายได้ทันที ใช้ง่ายและสะดวกดีเหมือนบัตรเติมน้ำมัน แต่อาจจ่ายแพงกว่าเนื่องจากเรทเงินจะแปรผันไปตามเวลาที่ใช้บัตรนั่นเอง